Back to the Beginning: Be Prepared

ช้าหน่อยนะคะ แต่จะพยายามเขียน

  • กระเป๋าเดินทาง เข้าอเมริกาต้องใช้ TSA-approved lock เดี๋ยวนี้กระเป๋าเดินทางมีมาในตัวเลยก็สะดวกดี แต่ถ้าไม่มีและไม่อยากซื้อก็ไม่ต้องล็อคเลย มิฉะนั้นจะโดนงัดได้ และถ้าไม่ล็อคก็ไม่ต้องเก็บของมีค่าไว้ในกระเป๋าใหญ่ หิ้วขึ้นเครื่องเลย
  • เสื้อผ้ารับลมหนาว อันนี้ไม่ใช่เฉพาะอเมริกาเท่านั้น แต่ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็ตาม ตรวจสอบอุณหภูมิให้ดีและเตรียมไปให้พอ บางทีสวยอย่างเดียวมันไม่กันหนาวนะคะ ถ้าต้องเจอหิมะอย่างเป็นจริงเป็นจัง (แบบไม่ใช่ไปเล่นสกี) ก็เอารองเท้าบู๊ทสำหรับลุยหิมะไปด้วย ซึ่งถ้าหาไม่ได้ แนะนำว่าใส่บู๊ทแนวปีนเขา พื้นหนาหน่อย เอาให้มั่นใจว่าไม่ลื่นแน่ อย่าลืมซื้อใหญ่นิดนึงเผื่อถุงเท้าด้วย ส่วนเครื่องกันหนาวอื่นๆ แนะนำให้ใส่แบบที่จะถอดเข้าออกง่าย เพราะในตึก ในรถไฟ ฯลฯ มักจะไม่หนาว อาจถึงขั้นร้อนเพราะปิดหน้าต่างหมดและเปิดฮีทเตอร์อีกต่างหาก จะเป็นลมได้ (จะว่าไปก็ไม่ต่างจากอากาศร้อนๆ บ้านเราแล้วเดินเข้าไปเจอแอร์ในห้างน่ะ)
  • สถานที่ท่องเที่ยว สำหรับชิคาโกและเมืองใหญ่ในอเมริกา เค้ามี city pass ซึ่งจะลดราคาสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญต่างๆ เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวและไปซื้อที่โน่นได้ นอกเหนือจากนั้น tripadvisor ช่วยคุณได้ มีที่เที่ยวที่กินแนะนำเยอะแยะมากมาย อย่าลืมตรวจสอบเวลาเปิดปิดของแต่ละที่ หน้าหนาวนี่ส่วนใหญ่ 5 โมงปิดกันหมดแล้ว
  • การเดินทางในเมือง ชิคาโกเป็นเมืองใหญ่ก็เดินทางไม่ยาก รถบัส รถไฟ ใต้ดิน มีให้เลือก แนะนำให้ซื้อบัตร CTA ซึ่งจะครอบคลุมทุกสิ่งอย่าง แถมมี pass ให้เลือกตามสะดวก สำคัญคือมันคืนไม่ได้ ถ้าจำไม่ผิดเงินที่เหลือก็เอาออกมาไม่ได้ เพราะฉะนั้นอย่าเติมเงินเยอะเกินไปและถามเจ้าหน้าที่ด้วย ก่อนจะไปถ้าลองวางแผนคร่าวๆ ว่าจะไปไหนวันไหน Google Maps ช่วยได้เยอะมาก ใส่เลยว่าจากไหนไปไหนตอนกี่โมง เพราะรถบัสวันธรรมดากับเสาร์อาทิตย์จะวิ่งไม่เหมือนกัน
  • ที่พัก เนื่องจากเราเน้นเที่ยว ที่พักมีไว้นอนเฉยๆ ก็ขอแนะนำ hostel international สมัครสมาชิกไปจากไทยได้และสมัครคนเดียวที่เป็นคนจองพอ hi ที่ชิคาโกเรียกได้ว่าคุ้มค่ามาก ใกล้สถานีรถไฟ (อาจจะมีเสียงรถไฟรบกวนบ้างตอนกลางคืน) สะอาด ปลอดภัย มีไวไฟ มีร้านอาหาร แถมส่วนลดสถานที่ท่องเที่ยวบางแห่งให้ด้วย
  • การเดินทางต่างเมือง เนื่องจากเสร็จจากชิคาโกจะไปมินเนอาโปลิส เลยได้ใช้บริการเกรย์ฮาวด์ข้ามรัฐเป็นครั้งแรก อารมณ์ประมาณนครชัยแอร์ จองล่วงหน้าในเว็บไปราคาจะถูกลงเยอะทีเดียว
  • วีซ่า เราไปขออเมริกาตอนธันวา 2013 ซึ่งกุมภา 2014 เปลี่ยนระบบไปเรียบร้อยแล้ว เพราะฉะนั้นก็จะไม่ขอกล่าวถึงแล้วกัน เอาเป็นว่าจงเตรียมเอกสารตามที่เค้าบอกไปให้ครบถ้วน
  • โทรทางไกลต่างประเทศ อันนี้เพิ่งมานึกได้ ว่าหาข้อมูลเป็นวันๆ ค่าโรมมิ่งมันแพงเกิ้น สุดท้ายซื้อ sim2fly ของ AIS ไป ซึ่งก็ใช้งานได้ดีไม่มีปัญหาทั้งที่อเมริกาและญี่ปุ่น อย่าลืมตรวจสอบว่าโทรศัพท์ของเรารองรับคลื่นของเค้าด้วยจ้ะ ถ้าไม่รู้หรือจำสเป็คเครื่องไม่ได้ก็ Google เอา อย่างไรก็ตาม ณ วันนี้เห็นว่าทั้งดีเทคและทรูต่างก็มีรหัสให้โทรทางไกลต่างประเทศได้ในราคาที่ถูกกว่าโรมมิ่งมาก ลองตรวจสอบข้อมูลกันอีกทีค่ะ เผื่อจะไม่ต้องเปลี่ยนซิมให้ยุ่งยาก
  • ปลั๊ก ตามตารางนี้เลย เตรียม adapter ไปด้วยจ้ะ

การเตรียมตัวก็น่าจะมีเท่านี้ (มั้ง) เดี๋ยวคราวหน้ามาเล่าให้ฟังว่าไปจริงแล้วเป็นไปตามแผนมั้ย 555

Back to the Beginning: Introduction

เขียนเป็นภาษาไทยละกัน เนื่องจากนี่ไม่ใช่เรื่องที่ฝรั่งจะสนใจอ่าน (ว่าแต่มีคนอ่านจริงๆ ด้วยเหรอ?)
ไหนๆ ปีนี้ก็ตั้งท่าจะเดินทางอย่างเต็มที่ตลอดสามเดือนนี้แล้ว แถมยังเป็นวางแผนการเดินทางเองด้วย (ปกติให้น้องสาวทำตลอด) เก็บบันทึกไว้เป็นอนุสรณ์สักหน่อยละกัน ไม่รู้จะปัญญาเขียนได้กี่ตอน 55

สำหรับทริปอเมริกาครั้งนี้ขอตั้งชื่อว่า back to the beginning เนื่องจากเคยไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่นั่น เป็นครั้งแรกที่จากบ้านไปคนเดียวนานถึง 10 เดือน (คือไม่ใช่ครั้งแรกที่ไปต่างประเทศคนเดียว แต่นี่เป็นครั้งที่นานที่สุด) นอกจากนี้ยังมาเปลี่ยนเป็นคริสเตียนที่อเมริกา เขียนบลอคครั้งแรกก็ที่อเมริกา และอาจจะมีประสบการณ์เฉียดตาย (?) ครั้งแรกด้วย คือมาตอนเหตุการณ์ 9/11 ในปี 2001 พอดี บินจากนิวยอร์กได้วันเดียวก็เกิดเรื่องเลย ไปโรงเรียนวันแรกแบบมึนๆ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แม่โทรทางไกลมาทันทีว่าลูกชั้นยังมีชีวิตอยู่รึเปล่า… เอาเป็นว่าเป็นสถานที่ที่เป็นจุดเริ่มต้นของอะไรหลายๆ อย่างที่เปลี่ยนชีวิตของเราไปแล้วกัน

ส่วนการเดินทางครั้งนี้ก็ประจวบเหมาะว่าน้องสาวจะไปสัมมนาที่ชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ เราเลยถือโอกาสติดไปด้วยหลังจากที่ทำงานหนักไม่ได้พักมานาน แถมชิคาโกอยู่ไม่ไกลจากมินเนอาโปลิส รัฐมินเนโซตาที่เคยอยู่ ไม่ถึงกับต้องนั่งเครื่องข้ามประเทศ และเนื่องจากจะอยู่นานให้คุ้มค่าตั๋วเครื่องบินจึงถือโอกาสนี้อีกเหมือนกันที่จะลาออกจากงานด้วยเลย (อันนี้เรื่องยาว กรุณาไปตามอ่านกันเอาเองในโพสต์ก่อนๆ นะจ๊ะ) รู้สึกเหมือนได้เดินทางย้อนเวลากลับไปค้นหาตัวเองยังไงไม่รู้ กลับไปสู่จุดเริ่มต้น ตั้งหลักใหม่ก่อนจะเดินหน้าต่อไป…

สรุปสั้นๆ ว่าจะไปชิคาโกก่อน 5 วันเพื่อให้น้องสาวไปสัมมนาและเที่ยวแถวๆ นั้นสักหน่อยนึง จากนั้นวันที่ 6 จะนั่งรถบัสเกรฮาวด์จากชิคาโกไปมินเนอาโปลิส และไปอยู่กับครอบครัวโฮสต์เราที่นั่น 4 วันหลังจากนั้นน้องสาวจะกลับก่อน ส่วนเราอยู่ต่อไปอีกประมาณ 1 อาทิตย์แล้วกลับเอง

อาจจะสงสัยว่า 12 ปีนี่ยังติดต่อกับโฮสต์อยู่อีกหรือ เอาจริงๆ แล้วคุยกันน้อยมากนะ ดีว่าเค้ามีเฟสบุ๊คเลยรู้สึกเหมือนความสัมพันธ์ยังไม่ขาดไปซะทีเดียว และทุกครั้งคุยกันที่ครั้งเค้าจะถามว่าเมื่อไหร่จะมาเยี่ยมบ้าง ทำให้เราคิดอยู่ตลอดว่าสักวันจะต้องกลับไปให้ได้ ทันที่บอกแอนนา (แม่) ว่าจะได้กลับไปแล้วนะ เค้าก็ตื่นเต้น ถามว่าจะมาพักอยู่ด้วยกันเลยใช่มั้ย เมื่อไหร่ กี่วัน จะไปไหนบ้าง… คุยไปคุยมาจนเราเลื่อนวันกลับให้ได้อยู่นานขึ้นนั่นแล

แต่ยังไงๆ 12 ปีนี่อะไรๆ ก็เปลี่ยนไปเยอะเหมือนกันนะ แล้วเราคุยกับแม่อยู่คนเดียว แค่คิดว่าบรรดาน้องชายทั้งสาม ซึ่งตอนนั้นอายุ 5 ขวบ, 4 ขวบ, กับ 18 เดือน ตอนนี้โตเป็นหนุ่มอายุ 17, 16, 13 แล้วก็ตกใจไม่ใช่น้อยเหมือนกัน เท่ากับคนแปลกหน้าชัดๆ ไปทำความรู้จักกันใหม่เลย  แล้วนอกจากคนแล้วอย่างอื่นก็เปลี่ยนไปด้วยเหมือนกัน ไม่ได้ไปตั้งสิบกว่าปี กระเป๋าเดินทางต้องเปลี่ยนใหม่ สนามบินก็มี September 11th Security Fee มาให้จ่าย… เยอะ

เดี๋ยวคราวหน้ามาพูดถึงการเตรียมตัวกัน 🙂